สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อให้อาหารลูกสุนัข

การนำลูกสุนัขตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงในบ้านเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก แต่ทั้งครอบครัวคุณและเจ้าตูบตัวน้อยต่างก็จะต้องปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศใหม่นี้ การเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเพื่อเข้าใจความต้องการด้านโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงไปของเจ้าตูบคือหนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยดูแลให้เขามีสุขภาพที่แข็งแรงได้

ควรให้อาหารลูกสุนัขของคุณตามเวลาที่กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายังอายุน้อยมากๆ ลูกสุนัขที่มีอายุน้อยมากควรกินอาหารแบบเดียวกับที่เคยได้รับจากผู้ผสมพันธุ์สัตว์หรือศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงสักสองถึงสามวัน เพื่อช่วยให้เขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ก่อน เมื่อใดก็ตามที่คุณจะเปลี่ยนให้เจ้าตูบกินอาหารแบบใหม่ ให้เปลี่ยนแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ผสมอาหารแบบใหม่รวมกับอาหารแบบเก่า ค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนของอาหารแบบใหม่ในหนึ่งสัปดาห์ วิธีนี้จะทำให้กระเพาะอาหารของเจ้าตูบปรับตัวง่ายขึ้น และจะช่วยให้เขาคุ้นเคยกับรสชาติและเนื้อสัมผัส การให้อาหารเจ้าตูบตามเวลาที่กำหนดไว้ทุกวันจะจัดระเบียบให้ระบบทางเดินอาหารของเขา และช่วยให้การฝึกขับถ่ายของเจ้าตูบง่ายขึ้นทั้งสำหรับคุณและเจ้าตูบด้วย

หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเปลี่ยนอาหารจากแบบที่ศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงหรือผู้ผสมพันธุ์สัตว์เคยให้เจ้าตูบหรือไม่ ให้สอบถามสัตวแพทย์ตั้งแต่ครั้งแรกของการนัดหมาย สัตวแพทย์สามารถให้คำแนะนำต่างๆ ตามสุขภาพ สายพันธุ์ อัตราการเจริญเติบโต และปัจจัยอื่นๆ ของเจ้าตูบได้ แม้กระทั่งในกรณีที่คุณเคยเลี้ยงลูกสุนัขมาก่อน และเคยให้อาหารบางประเภทแก่เขา ก็ยังเป็นความคิดที่ดีหากจะปรึกษาสัตวแพทย์อีกเนื่องจากสุนัขที่ต่างกันก็มีความต้องการด้านโภชนาการที่แตกต่างกัน

ลูกสุนัขของฉันควรกินอาหารปริมาณเท่าใด

ปริมาณอาหารที่ลูกสุนัขกินควรมีความพอดีเพื่อคงน้ำหนักตัวที่สมดุลของเขา ใช้คำแนะนำในการให้อาหารลูกสุนัขที่อยู่บนฉลากอาหารสุนัขเป็นจุดเริ่มต้น ปริมาณอาหารที่คุณให้เจ้าตูบขึ้นอยู่กับอายุ ขนาดตัว สายพันธุ์ ระดับการใช้พลังงาน อารมณ์ สภาพแวดล้อม และสุขภาพ เพื่อเป็นการรักษาน้ำหนักตัวที่ดีสำหรับเจ้าตูบ อย่าให้อาหารเขามากเกินไป แม้ว่าบางทีเขาจะดูเหมือนหิวหรือขออาหารเพิ่มจากคุณก็ตาม ถ้าคุณมีลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ คุณก็อาจมีแนวโน้มที่จะให้อาหารทิ้งไว้ แล้วให้เจ้าตูบเลือกกินเองได้ตลอดเวลา หรือให้อาหารเพิ่มสองถึงสามถ้วยต่อวัน แต่วิธีนี้อาจก่อให้เกิดโรคอ้วนและปัญหาการเจริญเติบโตของกระดูกได้ ตามหลักการทั่วไปแล้ว ควรให้อาหารลูกสุนัขอายุน้อย 3-4 ครั้งต่อวัน เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องการพลังงานสูง แต่เมื่อเจ้าตูบมีอายุ 6 เดือนควรลดลงเหลือ 2 ครั้งต่อวัน

พูดคุยกับสัตวแพทย์เกี่ยวกับปริมาณอาหารที่ควรให้ลูกสุนัขกินในแต่ละวัน อย่าลืมบอกสัตวแพทย์ให้ทราบว่าขณะนี้คุณกำลังให้อาหารประเภทใดแก่ลูกสุนัขของคุณ เนื่องจากอาหารสุนัขไม่ได้มีโภชนาการในปริมาณที่เท่ากันท้ั้งหมด และอาจส่งผลต่อปริมาณอาหารที่แนะนำสำหรับลูกสุนัขของคุณ

เลือกอาหารที่ใช่ให้ลูกสุนัขของคุณ

อาหารที่เหมาะสมสำหรับลูกสุนัข ควรมีปริมาณไขมัน โปรตีน และพลังงานสูง เพื่อบำรุงและดูแลให้ลูกสุนัขมีพัฒนาการที่ดีไปสู่วัยโตเต็มที่ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้อ่านข้อมูลของบรรจุภัณฑ์เพื่อดูคุณประโยชน์ของอาหารสำหรับลูกสุนัขแล้ว อาหารบางอย่างมีวิตามินที่ช่วยบำรุงสุขภาพและสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง และแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้ระบบปัสสาวะ

อาหารสำหรับลูกสุนัขมีทั้งแบบเปียกและแบบแห้ง และสิ่งที่คุณเลือกส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับความชอบของคุณและลูกสุนัขของคุณ อาหารแบบแห้งจะเป็นชิ้นเล็กๆ ที่เรียกว่าอาหารเม็ด มีความคุ้มราคา เก็บรักษาได้นาน และเทลงชามให้สุนัขได้ง่าย อาหารแบบเปียกมาในรูปแบบกระป๋อง และเหมาะสำหรับลูกสุนัขที่ต้องการน้ำมากเป็นพิเศษ เนื่องจากอาหารแบบเปียกประกอบด้วยน้ำมากกว่าอาหารแบบแห้งถึง 70% หากต้องการเพิ่มความหลากหลายให้มื้ออาหารสำหรับลูกสุนัข คุณสามารถผสมอาหารทั้งสองแบบรวมกันได้ ค้นหาข้อมูลและเลือกอาหารที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเจ้าตูบในการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เต็มศักยภาพของเขา หาอาหารที่ “ครบถ้วน” ซึ่งหมายถึงคุณสามารถให้อาหารเจ้าตูบได้โดยไม่ต้องพึ่งพาวิตามินเสริมหรืออาหารเสริมใดๆ

เมื่อลูกสุนัขเติบโตเต็มที่ เขาจะต้องการโภชนาการในระดับที่แตกต่างออกไปจากเมื่อยังเด็ก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดตัวและสายพันธุ์ของเขา ควรเปลี่ยนจากอาหารสำหรับลูกสุนัขไปเป็นอาหารสำหรับสุนัขโตในช่วงอายุ 1-2 ปี สุนัขสายพันธุ์ใหญ่อาจยังไม่เติบโตเต็มที่จนกว่าจะมีอายุประมาณ 2 ปี จึงควรให้อาหารสำหรับลูกสุนัขไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเติบโตเต็มวัย

เจ้าตูบเลือกกิน

หากไม่นับการให้อาหารพิเศษแก่เจ้าตูบในบางโอกาส ลูกสุนัขของคุณก็ควรกินอาหารสำหรับสุนัขเท่านั้น หากคุณติดนิสัยให้อาหารเจ้าตูบด้วยเศษอาหารจากบนโต๊ะอาหาร เจ้าตูบก็อาจกลายเป็นสุนัขที่เลือกกินได้ ซึ่งนี่ทำให้เจ้าตูบมีนิสัยแย่ๆ และจะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม สุขภาพ และน้ำหนักของเขาต่อไปในภายภาคหน้า