เมื่อใดที่ลูกสุนัขกลายเป็นสุนัขโต

เมื่อนึกไปถึงครั้งแรกที่คุณพาเจ้าตูบตัวน้อยเข้ามาในบ้าน ก็รู้สึกราวกับว่าเวลาเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน แต่เมื่อถึงเวลาที่เจ้าตูบอายุได้หนึ่งปี เขาจะมีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด และส่วนใหญ่จะถูกจัดว่าเป็นสุนัขโตในช่วงนั้น แน่นอนว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับขนาดและสายพันธุ์ของเจ้าตูบด้วย สุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่มักยังไม่มีพัฒนาการทางร่างกายและอารมณ์ที่โตเต็มที่ จนกระทั่งพวกเขาอายุได้เกือบสองปี แต่สุนัขตัวอื่นๆ ก็อาจเริ่มปฏิบัติกับเหล่าเจ้าตูบที่อายุยังไม่ถึงสองปีเหมือนเป็นสุนัขโตไปแล้ว และไม่ทนกับพฤติกรรมแบบลูกสุนัข แม้ว่าลูกสุนัขของคุณยังคงขี้เล่นและซุกซนอย่างที่เคยเป็นมา แต่ความต้องการของเขาก็เปลี่ยนไปแล้ว คุณเองก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยให้เจ้าตูบคงรักษาสุขภาพที่ดีและมีความสุข

เมื่อใดที่ต้องเปลี่ยนไปให้อาหารสำหรับสุนัขโต

ลูกสุนัขของคุณต้องการอาหารที่มีไขมัน โปรตีน และแคลอรี่ที่สูง เพื่อเจริญเติบโตไปเป็นสุนัขโตที่แข็งแรง เมื่อถึงวัยที่เป็นสุนัขโต เจ้าตูบจะต้องการสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุในระดับที่แตกต่างกันออกไป สุนัขโตเผาผลาญพลังงานไม่ได้มากเท่ากับลูกสุนัข ดังนั้นการยังคงให้อาหารสำหรับลูกสุนัขต่อไปจะทำให้เจ้าตูบน้ำหนักขึ้น และมีอาการขัดยอกที่ข้อต่อ

ช่วงเวลาห้าถึงเจ็ดวันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการค่อยๆ เปลี่ยนอาหารใหม่ให้กับสุนัขของคุณ ผสมอาหารใหม่สำหรับสุนัขโตในปริมาณที่เพิ่มขึ้น และลดปริมาณอาหารสำหรับลูกสุนัขลงให้เจ้าตูบกินในแต่ละวัน การค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะทำให้เจ้าตูบคุ้นเคยกับรสชาติและความสม่ำเสมอได้ง่ายขึ้น และหลีกเลี่ยงอาการท้องไส้ปั่นป่วนที่อาจเกิดขึ้น

เจ้าของสัตว์เลี้ยงบางคนคิดว่าสามารถเปลี่ยนจากอาหารสำหรับลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ไปเป็นอาหารสำหรับสุนัขโตได้ตั้งแต่ที่เจ้าตูบอายุน้อยๆ (ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเจ้าตูบอายุได้เพียงหกถึงแปดเดือน) เพื่อจำกัดปริมาณแคลอรีที่กินเข้าไป ในช่วงพัฒนาการของเจ้าตูบในขั้นนี้ ลูกสุนัขของคุณยังคงอยู่ในช่วงการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนอาหารของเจ้าตูบไปเป็นอาหารชนิดที่ให้พลังงานน้อย จะส่งผลต่อการพัฒนากระดูก

เราขอแนะนำ อาหารสำหรับสุนัขโต Science Diet® เหล่านี้ ซึ่งมีโภชนาการที่ครบถ้วนสมดุล เพื่อให้สุนัขของคุณมีชีวิตที่กระฉับกระเฉงและแข็งแรง อาหารดังกล่าวมีรสชาติแสนอร่อยเหมือนอย่างที่ลูกสุนัขของคุณโปรดปรานและคุ้นเคย แต่จะให้โภชนาการที่ครบถ้วนสมดุลมากขึ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัยของเจ้าตูบ เพื่อช่วยให้เขารู้สึกอ่อนเยาว์อยู่เสมอและคงสุขภาพที่แข็งแรง

การไปพบสัตวแพทย์สำหรับลูกสุนัขและสำหรับสุนัขโต

ถึงตอนนี้ คุณคงคุ้นเคยกับการนำลูกสุนัขของคุณไปพบสัตวแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน ถ่ายพยาธิ และป้องกันหมัด/เห็บแล้ว คุณอาจไม่จำเป็นจะต้องพาเจ้าตูบไปพบสัตวแพทย์บ่อยๆ เมื่อเขาโตขึ้น (แนะนำให้ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี) แต่เจ้าตูบยังจะต้องฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันเมื่อเขาอายุครบ 14 เดือน วัคซีนนี้จะช่วยป้องกันเจ้าตูบจากโรคต่างๆ เช่น โรคกลัวน้ำ โรคพาร์โวไวรัส โรคหัดสุนัข และไข้หวัดใหญ่ การไปพบสัตวแพทย์ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุนัขของคุณจะได้รับการป้องกันให้ปลอดภัยจากพวกปรสิตต่างๆ โดยการตรวจหาเห็บหมัดและทำการรักษา รวมถึงทำการถ่ายพยาธิ

และยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้พูดคุยกับสัตวแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสุนัขของคุณ ถามคำถามเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ของเล่น ขนมแบบใหม่ๆ และอะไรก็ตามที่คุณคิดว่าอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงเนื่องจากตอนนี้เจ้าตูบเป็นสุนัขโตแล้ว

ช่วยให้สุนัขกำลังโตได้ออกกำลังกาย

ลูกสุนัขจำเป็นต้องมีการออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเผาผลาญพลังงานทั้งหมดและนำพลังงานไปใช้ในเชิงบวก ตอนนี้เมื่อสุนัขของคุณโตเต็มวัย จำเป็นต้องให้เจ้าตูบออกกำลังอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เขามีร่างกายแข็งแรง กระฉับกระเฉง และอารมณ์ดี

สุนัขโตที่แข็งแรงจำเป็นต้องมีการออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30 นาที อย่างน้อยสองครั้งต่อวัน ซึ่งรวมถึงกิจกรรมอย่างเช่น การวิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ เดินป่า และเล่นสนุกที่สวนสุนัขด้วย เกมที่สร้างขึ้นอย่างมีจุดหมาย อย่างการวิ่งเก็บของที่ขว้างออกไป ชักเย่อ ไม่เพียงแต่สามารถช่วยให้สุนัขของคุณเผาผลาญพลังงานได้เท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเจ้าตูบ และสอนระเบียบวินัยให้เขาได้ด้วย

สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกกำลังกายให้สุนัขของคุณ โปรดดูบทความที่มีประโยชน์อื่นๆ เหล่านี้