การให้อาหารตามเวลามื้ออาหารเทียบกับการให้อาหารแมวอย่างอิสระ แบบไหนดีที่สุด

Published by
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่าน

คุณสับสนกับการให้อาหารเจ้าเหมียวอย่างถูกต้องหรือไม่ กำลังถามตัวเองอยู่ใช่ไหมว่า “ฉันควรให้อาหารแมวของฉันแบบอิสระหรือไม่”

ตอนนี้คุณให้อาหารแมววิธีไหนอยู่ ตอนนี้คุณให้อาหารแมวแบบอิสระอยู่หรือไม่ คุณกำหนดเวลามื้ออาหารที่แน่นอนให้เจ้าเหมียว หรือคุณใช้ทั้งสองวิธี โปรดอ่านเนื้อหาต่อไปซึ่งจะเกี่ยวกับ 3 วิธีที่เจ้าของแมวให้อาหารเจ้าเหมียวเพื่อนรัก รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี

การให้อาหารแมวตามมื้ออาหาร

Cat Eating

การให้อาหารตามมื้ออาหาร หมายความว่าคุณให้อาหารแมวของคุณตามเวลามื้ออาหารที่กำหนดระหว่างวันเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้สามารถให้ได้ทั้งอาหารกระป๋องและอาหารแบบแห้ง

ข้อดี: สามารถตรวจตราดูการบริโภคอาหารของแมวได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหมายความว่าคุณจะดูออกได้ง่ายๆ เมื่อแมวของคุณมีความอยากอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ถ้าคุณเป็นคนที่มีความสุขกับการมี แมวหลายๆ ตัวอยู่ในบ้าน แมวทุกตัวจะสามารถกินอาหารของตัวเองได้โดยไม่มีแมวตัวไหนรู้สึกว่าอยู่เหนือตัวอื่น ซึ่งก็หมายความว่าแมวตัวหนึ่งอาจจะกินอาหารทั้งหมดและมีน้ำหนักเพิ่มมากเกินไป ส่วนแมวตัวอื่นๆ ก็อาจจะขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพแข็งแรง

ข้อเสีย: แมวอาจขออาหารเพิ่มระหว่างมื้ออาหาร แมวของคุณไม่สามารถควบคุมได้ว่าจะกินอาหารในปริมาณเท่าใดในเวลาที่กำหนด แต่ถ้าคุณทำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์โดยให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสมและให้อาหารอย่างสม่ำเสมอ คุณก็สบายใจได้ว่าแมวจะได้กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสมและได้โภชนาการที่ถูกต้อง

ข้อสำคัญ: ควรให้อาหารลูกแมวสามเวลาต่อวัน แต่เมื่อลูกแมวโตแล้ว (อายุประมาณหนึ่งปี) ให้เปลี่ยนมาให้อาหารหนึ่งหรือสองครั้งต่อวันก็พอ ตามคำแนะนำของศูนย์สุขภาพแมวแห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนล ความจริงการให้อาหารเพียงหนึ่งครั้งต่อวันก็เพียงพอแล้วสำหรับแมวส่วนใหญ่ มหาวิทยาลัยคอร์เนลระบุว่า “เมื่อแมวโตขึ้น การให้อาหารแมวเพียงหนึ่งครั้งต่อวันก็เพียงพอแล้วตราบเท่าที่แมวยังแข็งแรงและไม่มีโรคภัยใดๆ ที่จะต้องเปลี่ยนมาให้อาหารในวิธีที่ต่างออกไป” แล้วก็ให้ตรวจสอบกับสัตวแพทย์ของคุณเสมอก่อนตัดสินใจเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งในการให้อาหารแมว

ถ้าคุณมีแมวหลายๆ ตัว โดยทั่วไปแล้วแมวควรได้รับอาหารและน้ำเป็นชุดของตัวเองซึ่งจัดไว้ในสถานที่เงียบสงบและไม่มีความพลุกพล่าน ที่ซึ่งแมวชอบมาใช้เวลา ตามคำแนะนำของหมอแมว นั่นเป็นเพราะว่าแมวชอบกินอาหารในบรรยากาศที่เงียบๆ พวกเขาจึงมักอยู่ตามลำพังเวลากินอาหาร

การให้อาหารแมวแบบอิสระ

ถ้าคุณไม่ได้กำลังพิจารณาตัวเลือกอื่นๆ คุณอาจแปลกใจเมื่อพบว่าการให้อาหารแมวแบบอิสระก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเลย เมื่อคุณให้อาหารแมวของคุณอย่างอิสระ แมวของคุณก็จะมีอาหารพร้อมให้กินตลอดเวลา โปรดอย่าลืมว่าวิธีนี้จะต้องใช้อาหารแบบแห้งเท่านั้น เพราะว่าไม่ควรวางอาหารแบบเปียกทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน หากคุณสังเกตเห็นว่าแมวของคุณกินอาหารแบบแห้งในชามไม่หมดนานกว่า 1 วัน คุณควรทิ้งอาหารไปให้หมดเพื่อให้แมวได้กินอาหารสดใหม่

ข้อดี: แมวของคุณสามารถกินอาหารมื้อเล็กๆ ได้หลายมื้อต่อวันตามเวลาที่แมวอยากจะกิน

ข้อเสีย: การให้อาหารแมวแบบอิสระอาจจะทำให้พวกเขากินอาหารมากเกินไปและเกิดโรคอ้วนได้ และยังเป็นการยากที่จะบอกได้ว่าความอยากอาหารของแมวของคุณเปลี่ยนไปดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร และถ้าคุณมีแมวหลายตัว ก็จะบอกได้ยากด้วยว่าแมวแต่ละตัวกินอาหารมากแค่ไหน

ข้อสำคัญ: การให้อาหารแมวแบบอิสระอาจทำให้พวกเขามีน้ำหนักเกินได้หากมีการจัดการที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็มีหลายวิธีที่จะช่วยให้การให้อาหารแมวแบบอิสระทำให้แมวของคุณยังคงมีน้ำหนักและอาหารที่ควบคุมได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการวัดปริมาณอาหารที่จำเป็นอย่างเหมาะสมให้แมวในแต่ละวัน เมื่อแมวกินอาหารหมด อย่าเติมอาหารลงไปอีกจนกว่าจะถึงวันถัดไป วิธีนี้จะสอนให้แมวค่อยๆ กินอาหารให้เพียงพอตลอดทั้งวัน ไม่ใช่กินเข้าไปทีเดียวอย่างรวดเร็วจนหมด

อีกหนึ่งตัวเลือกในการให้อาหารแมวแบบอิสระก็คือ ให้อาหารในจานแบบแบ่งช่องเกมปริศนา โดยใส่อาหารที่วัดตวงแล้วกระจายไปตามแต่ละช่อง เพื่อให้คุณสามารถควบคุมปริมาณและความถี่ในการกินอาหารของแมวได้ ในการสัมภาษณ์ Mikel Delgado ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมของแมวจากนิตยสาร Scientific American ระบุว่า เธอชอบอาหารใส่จานแบบแบ่งช่องเกมปริศนา เพราะไม่ใช่แค่เป็นการให้รางวัลเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการให้อาหารแมวทุกวันอีกด้วย

“หลักการคิดมีอยู่สองชั้น ชั้นแรกก็คือการให้อาหารในจานแบบแบ่งช่องเกมปริศนาเป็นการกระตุ้นให้แมวมีกิจกรรมและและได้ลับสมอง ชั้นที่สองในฐานะนักล่า แมวจะออกแรงหาอาหารโดยธรรมชาติ ไม่มีใครจะเอาหนูใส่ชามมาให้พวกเขากินหรอก” Delgado กล่าว

การให้อาหารแบบผสมสองวิธี

White and orange cat with collar on eating out of metal bowl

การให้อาหารแบบผสมก็คือการให้อาหารกระป๋องสองมื้อต่อวันและมีอาหารแบบแห้งให้แมวกินอย่างอิสระ

ข้อดี: การให้อาหารแบบผสมทำให้แมวของคุณกินอาหารมื้อเล็กๆ ได้หลายมื้อต่อวันตามความต้องการของเจ้าเหมียวเอง คุณสามารถตรวจสอบความอยากอาหารของแมวได้อย่างน้อยก็เป็นบางครั้งเมื่อคุณให้อาหารแบบเปียกแก่แมว และยังทำให้แมวมีโภชนาการที่ดีเพราะมีทั้งอาหารแบบเปียกและอาหารแบบแห้ง.

ข้อเสีย: 

การให้อาหารแบบผสมมักทำให้พวกเขากินอาหารมากเกินไปและเป็นโรคอ้วนได้เช่นเดียวกับการให้อาหารแบบอิสระ ดังนั้นการวัดตวงอาหารและไม่เติมอาหารอีกเมื่อแมวกินหมดจนกว่าจะถึงวันถัดไปจึงมีความสำคัญ ถ้าคุณมีแมวหลายตัว ก็อาจยากที่จะตรวจสอบการกินอาหารทั้งหมดของแมวแต่ละตัว ดังนั้นการให้อาหารแบบอิสระในรูปแบบใดก็ตามอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด

ข้อสำคัญ: ทั้ง อาหารแบบเปียกและอาหารแบบแห้ง มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อแมวของคุณ 

ยกตัวอย่างเช่น แมวที่ตรวจพบว่ามีปัญหาทางสุขภาพบางอย่าง เช่น ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะและไต อาจจะได้ประโยชน์จากอาหารแบบเปียกที่มีความชุ่มชื้นสูง

แต่อาหารแบบแห้งก็ดีกับสุขภาพฟันของแมวมากกว่าและสามารถเก็บได้ง่ายกว่า

ถ้าคุณลองให้อาหารแบบผสม ก็ลองให้อาหารในจานแบบแบ่งช่องเกมปริศนาเพื่อให้แมวของคุณรู้สึกท้าทายด้วยการเล่นกับของกินของตัวเอง

ถ้าคุณมีแมวหลายตัวในบ้าน โปรดอย่าลืมว่าปริมาณอาหารที่ให้แมวนั้นไม่ควรเกินจำนวนแคลอรี่ทั้งหมดที่ร่างกายแมวแต่ละตัวต้องการในแต่ละวัน

ไม่เช่นนั้น แมวหรือฝูงแมวที่คุณมีอาจจะมีน้ำหนักเกิน และมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใดก็ตาม ควรวัดตวงอาหารในแต่ละวันเพื่อให้ทราบปริมาณอาหารที่แมวของคุณกิน

คุณสามารถดูหลักเกณฑ์เกี่ยวกับปริมาณอาหารที่แมวของคุณควรกินในแต่ละวันได้ที่ถุงอาหารแมวของฮิลส์ และดูหลักเกณฑ์การให้อาหารได้ที่หน้าผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของฮิลส์

โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น

ความต้องการทางโภชนาการของแมวจะแตกต่างกันไปตามขนาดตัว ระดับพลังงาน และปัญหาสุขภาพ

ปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณเกี่ยวกับปริมาณแคลอรี่ที่แมวของคุณควรได้รับในแต่ละวัน

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีใดให้เจ้าเหมียวเพื่อนรักของคุณ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกอาหารคุณภาพดีและมีโภชนาการที่แมวของคุณต้องการ เพื่อให้เจ้าเหมียวมีความสุขและสุขภาพดี

ถ้าคุณรู้สึกว่าแมวของคุณมีปัญหาเรื่องการจัดการน้ำหนัก หรือกินแทบจะตลอดเวลา เราขอแนะนำให้คุณ นัดหมายสัตวแพทย์ให้กับเจ้าเหมียว เพื่อให้ได้แผนดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด

ประวัติผู้เขียน

Contributor Bio

Kara Murphy

Kara Murphy

Kara Murphy เป็นนักเขียนอิสระและเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง เธออาศัยอยู่ในเมืองอีรี รัฐเพนซิลเวเนีย เธอเลี้ยงสุนัขพันธุ์โกลเด้นดูเดิลชื่อ แมดดี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง