มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงให้ถูกต้อง: ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับแมวของคุณ

Published by
min read

ผู้คนมักหลงใหลกับอุปนิสัยที่ลึกลับของแมวอยู่เสมอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะรู้ว่าเจ้าเหมียวกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ แต่มีนิทานพื้นบ้านและตำนานเกี่ยวกับแมวอยู่หลายเรื่องที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจใหม่ มีแนวคิดแบบเหมารวมเกี่ยวกับแมวสองถึงสามประการที่ควรทำความเข้าใจเสียใหม่

1. แมวกระโดดลงพื้นด้วยเท้าของพวกเขาเสมอ

ผิด ไม่เสมอไป แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปราดเปรียวมาก แต่ความจริงก็คือ เจ้าเหมียวอาจทำตัวเองบาดเจ็บได้ หากตกลงบนพื้นอย่างผิดท่า ศูนย์การแพทย์สำหรับสัตว์ ระบุว่า สัตวแพทย์ใช้ศัพท์คำว่า "กลุ่มอาการที่เกิดจากที่สูง (High-Rise Syndrome)" เพื่อใช้อธิบายถึงอาการบาดเจ็บของแมวที่ได้รับจากการตกลงมา ซึ่งรวมถึงอาการเคล็ดแพลง กระดูกแตก และแม้แต่ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ตรงกันข้ามกับความเชื่อยอดนิยม แมวมีแนวโน้มจะบาดเจ็บจากการตกจากที่ไม่สูงมากกว่าที่สูง เพราะว่าเหล่าเจ้าเหมียวไม่มีเวลาพอที่จะกลับหรือหมุนตัวไปเป็นท่าทางที่ปลอดภัยในการลงสู่พื้น เพื่อความปลอดภัยของแมวของคุณ ควรแน่ใจว่าบานหน้าต่างของคุณไม่มีร่องรอยเสียหายและไม่มีรูใดๆ อยู่ และทำชั้นวางของกับพื้นที่บนโต๊ะไม่ให้เป็นพื้นที่ยั่วยวนใจให้เจ้าเหมียวกระโดดเล่นโชว์ผู้คน

2. ควรให้แมวเพศเมียได้มีลูกแมวก่อนที่จะได้รับการทำหมัน

The Humane Society ระบุว่า ความจริงกลับเป็นตรงข้าม การตัดสินใจทำหมันให้เจ้าเหมียวเพื่อนขนฟูของคุณเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ก็เป็นความคิดที่ดีก่อนที่เขาจะกลายเป็นแม่แมว องค์กรต่างๆ อย่างเช่น TheHumanSociety และ ASPCA สนับสนุนให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงนัดหมายสัตวแพทย์เพื่อพาสัตว์เลี้ยงไปทำหมัน เพื่อป้องกันปัญหาประชากรแมวเกินปริมาณ ซึ่งจะทำให้ศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงแออัด และทำให้แมวบางตัว (และลูกแมวของแมวเหล่านั้น) มีความเสี่ยงที่จะถูกทอดทิ้งละเลย

3. ไม่สามารถฝึกฝนแมวได้

เมื่อคุณจินตนาการถึงสัตว์เลี้ยงที่เล่นกลพลิกแพลงต่างๆ ได้ แมวไม่น่าจะเป็นชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของคุณ แต่รู้อะไรไหมว่า แมวสามารถฝึกได้! การสอนให้แมวของคุณฝึกทำบางอย่างได้ สามารถช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างเจ้าเหมียวและครอบครัวของคุณได้เป็นอย่างดี มีแมวชื่อว่า ทูน่า ที่สามารถเล่นเครื่องดนตรีในวงดนตรีได้ และออกทัวร์ทั่วสหรัฐฯ (เจ้าเหมียวแค่ร้องนำไม่ได้เท่านั้นเอง) การฝึกฝนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นการสันทนาการเสมอไป แต่การฝึกฝนโดยใช้แรงสนับสนุนเชิงบวกก็มีความสำคัญกับการเรียนรู้พฤติกรรมที่ปฏิบัติประจำอย่างเช่นการใช้กระบะทราย ศูนย์พักพิงสัตว์ภายในท้องถิ่น บางครั้งจะมีช่วงการฝึกสอนฟรีสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง และก็สามารถสอบถามเคล็ดลับจากสัตวแพทย์ได้อีกด้วย ใช้ความอดทนและความมุ่งมั่นสักนิด อีกไม่ช้า คุณและแมวของคุณก็เตรียมขึ้นโชว์บนเวทีได้แล้ว!

4. ให้แมวกินช็อกโกแลตเพียงเล็กน้อยคงไม่เป็นไร

บริษัทประกันภัยสัตว์เลี้ยง Trupanion เตือนว่า ห้ามให้แมวของคุณกินช็อกโกแลตเลยแม้แต่นิดเดียว (เช่นเดียวกับสุนัข) ช็อกโกแลตประกอบด้วยสารธีโอโบรมีน (Theobromine) ซึ่งเป็นแอลคาลอยด์ (Alkaloid) ที่มีพิษกับทั้งแมวและสุนัข ดาร์กช็อคโกแลตยิ่งมีอันตรายมากกว่าช็อกโกแลตที่มีนมผสม เพราะว่าดาร์กช็อกโกแลตมีระดับของสารธีโอโบรมีน (สารพี่พบได้ในผลโกโก้) ที่สูงกว่า ดังนั้นอย่าให้เจ้าเหมียวน้อยของคุณจิบช็อกโกแลตร้อนด้วยเด็ดขาด นอกจากนี้ แมวก็ไม่สามารถย่อยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมได้ดีเท่าไหร่นัก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ได้เช่นท้องร่วง ที่สำคัญที่สุดคือ เก็บขนมหวานเอาไว้ให้สมาชิกครอบครัวที่เป็นคนเท่านั้น แล้วเจ้าเหมียวน้อยของคุณจะมีสุขภาพดี

5. แมวที่เลี้ยงในบ้านจะไม่ป่วยเป็นโรค

แค่เพราะว่าเจ้าแมวน้อยของคุณใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องความไวต่อการติดโรค ในความเป็นจริงคือแมวทุกตัวสามารถติดโรคได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยก้าวเท้าออกจากบ้านเลยก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญที่สมาคม Cat Fanciers' Association (CFA) ชี้ว่า แมวที่เลี้ยงในบ้านมีโอกาสจะสัมผัสกับเชื้อโรคทางอากาศที่เข้ามาในบ้าน หรือเชื้อโรคที่ติดเสื้อผ้าเจ้าของแมวเข้ามาได้มากที่สุด หากคุณมีสุนัขที่เติบโตอยู่นอกบ้าน เจ้าตูบอาจนำเชื้อโรคขนาดเล็กที่ไม่น่าพึงใจเข้ามาได้ โปรดอย่าลืมว่า แมวสามารถป่วยได้จากการกินแมลงที่มีโรคชนิดเดียวกันเข้าไป ดังนั้นจึงควรพูดคุยกับสัตวแพทย์เกี่ยวกับการรักษาเชิงป้องกัน เพื่อทำให้สมาชิกครอบครัวอย่างเจ้าเหมียวปลอดภัย และโปรดอย่าลืมถอดรองเท้าของคุณไว้ที่หน้าประตูด้วย!

6. แมวจะขโมยลมหายใจของทารกไป

ทุกความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับแมวที่มีอยู่ ความเชื่อนี้ดูจะคล้ายกับเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมากที่สุด แต่เป็นเรื่องจริงที่ควรกังวลสำหรับครอบครัวที่มีทารกและเด็กเล็กๆ ข่าวดีใช่หรือไม่ Live Science ยืนยันว่ามีเหตุผลอธิบายได้ แมวส่วนใหญ่ชอบที่จะไปซุกและซบกับร่างกายทึ่อุ่นๆ ซึ่งทำให้เป็นที่มาของความเชื่อนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแมวหลายตัวจะชอบขดตัวอยู่ใกล้ศีรษะ คอ หรือหน้าอกของเจ้าของ จึงมีความสำคัญที่คุณควรกันเหล่าเจ้าเหมียวให้อยู่ห่างจากเด็กน้อยระหว่างช่วงเวลานอนหลับและรอจนกว่าลูกของคุณโตพอที่จะให้เจ้าเหมียวมานอนอยู่ในห้องเดียวกันได้

7. การแปรงฟันให้แมวเป็นเรื่องไร้สาระ ตลกหรือเปล่า

จริงๆ แล้วแมวของคุณเองอาจจะได้หัวเราะทีหลังดังกว่า เมื่อลมหายใจของเจ้าเหมียวทำให้คุณแสบจนน้ำตารื้น การแปรงฟันให้แมวของคุณเป็นประจำ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคในช่องปาก และเป็นโอกาสที่คุณจะได้สังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับฟันและเหงือกของเขาด้วย เชื่อเถอะ อย่ามองข้ามการแปรงฟันเด็ดขาด การแปรงฟันทำให้แมวของคุณน่าฟัดน่ากอดมากขึ้น และช่วยป้องกันบรรดาปัญหาสุขภาพร้ายแรงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ สอบถามสัตวแพทย์ให้ช่วยแนะนำวิธีเริ่มต้น

8. แมวมีตั้งเก้าชีวิต... เช่นนั้นแล้วเหล่าเจ้าเหมียวจำเป็นต้องตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอหรือไม่

ต้องตรวจร่างกายอย่างแน่นอน จริงๆ แล้วแมวมีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาเวลาพาแมวไปพบสัตวแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าแมวของคุณจะมีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดี และมีความสุข ไม่ควรไปพบสัตวแพทย์เฉพาะเมื่อแมวของคุณเจ็บป่วยเท่านั้น แมวของคุณจำเป็นต้องมีการตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน วินิจฉัยช่องปาก และรับการปรึกษาทางด้านโภชนาการประจำปี... เช่นเดียวกับพวกเรา คุณอาจจะคิดว่าความเชื่อที่ว่าแมวมี 9 ชีวิต จะทำให้เขามีภูมิต้านทานโรคกลัวน้ำ แต่ก็เป็นแค่ความเชื่อผิดๆ อีกอย่าง แมวสามารถเป็นโรคกลัวน้ำได้ และควรได้รับการฉีดวัคชีนอย่างสม่ำเสมอตามกฏหมายท้องถิ่น การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้แมวของคุณติดเชื้อได้

9. แมวของฉันกินเศษอาหารที่เหลือจากบนโต๊ะอาหารได้

คุณรู้หรือไม่ว่า ชีสหนึ่งชิ้นที่ให้แมวน้ำหนัก 4.5 กก. กินเข้าไป เปรียบได้กับการที่คุณให้ช็อกโกแลตแก่เจ้าเหมียวถึงสามแท่งใหญ่ เศษอาหารที่เหลือจากบนโต๊ะอาหารไม่มีแคลอรี่ที่จำเป็นกับแมวเลย เจ้าเหมียวต้องการโภชนาการที่สมดุลครบถ้วนสำหรับในแต่ละช่วงวัย และมีความต้องการด้านโภชนาการพิเศษเพื่อให้มีร่างกายแข็งแรง อาหารแมวอย่าง Hill’s Science Diet มีความเหมาะสมที่สุด เนื่องจากให้สารอาหารทุกประการตามที่แมวต้องการอย่างครบถ้วน และไม่มีสารอาหารส่วนเกินใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อแมว

10. แมวของฉันสะบัดหางไปมา เขาต้องมีความสุขแน่ๆ เลย

ก็อาจเป็นไปได้...แต่คุณไม่มีทางรู้ว่าจริงๆ แล้วแมวคิดอะไรอยู่ โดยปกติแล้ว แมวจะแกว่งหรือสะบัดหางไปมาเมื่อเขากำลังใช้ความคิดหรือหงุดหงิดอยู่ แมวสื่อสารผ่านภาษากายที่ซับซ้อน และการแสดงออกทางเสียงเช่นเดียวกับมนุษย์ การเรียนรู้ว่าแมวของคุณกำลังบอกอะไรแก่คุณ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ต่อกันได้เป็นอย่างดี

11. ฉันไม่ต้องการจับแมวของฉันออกกำลัง

คุณทำแบบนั้นได้ และควรจับแมวของคุณออกกำลัง แมวต้องการแรงกระตุ้นทางจิตใจ เช่นเดียวกับกิจกรรมทางกายภาพ ควรเลี้ยงแมวไว้ในบ้านเพื่อความปลอดภัยของพวกเขา แต่ว่าก็ยังมีเกมและของเล่นมากมายที่ช่วยให้เหล่าเจ้าเหมียวกระฉับกระเฉง และมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม

12. ผู้หญิงมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงแมว เนื่องจากอาจจะเกิดการติดเชื้อจากโรค (โรคทอกโซพลาสโมซิส - Toxoplasmosis) ใช่หรือไม่

ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแมวได้ แค่กระบะทรายเท่านั้นที่ห้ามสัมผัส โรคทอกโซพลาสโมซิสจะแพร่เชื้อผ่านทางอุจจาระและของเสีย ตราบเท่าที่หญิงตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับกระบะทราย และมีคนทำความสะอาดบริเวณที่วางกระบะทราย ก็จะไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นก็หมดกังวลที่จะดูแลแมวของคุณต่อไปได้ในขณะที่รอทารกตัวน้อยลืมตาดูโลก

13. หากปราศจากหนวด แมวจะสูญเสียการทรงตัวทั้งหมดไปเลยหรือไม่

เป็นการยากที่จะจินตนาการว่าความคิดแบบนี้เริ่มต้นมาจากอะไร! แมวใช้หนวดของพวกเขาเป็น "อวัยวะรับความรู้สึก" ไม่ใช่เพื่อรักษาสมดุลการทรงตัว ตำแหน่งของหนวดแมวเป็นวิธีการที่แมวบ่งบอกถึงอารมณ์ในตอนนั้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ห้ามตัดหนวดแมวออกหรือดึงเล่นเด็ดขาด หนวดแมวจะฝังรากลึกลงไปในผิวหนังซึ่งมีเส้นประสาทอยู่มากมาย

14. มีนมใช่ไหม มีแมวใช่ไหม แมวของคุณกินนมได้หรือไม่

แมวที่น่ารักจะค่อยๆ เลียนมที่อยู่ในจาน อะไรจะเป็นธรรมชาติมากกว่านี้อีก ความจริงคือนมมีผลกระทบต่อสัตว์ตัวเล็กๆ อยู่มากมาย แมวหลายตัวอาจมีอาการท้องร่วงจากนม และการกินนมมากไปก็จะเพิ่มโอกาสเป็นโรคอ้วนได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่ดีที่สุุดคือการเลือกโภชนาการที่สมดุลซึ่งได้รับการคิดค้นสูตรขึ้นมาเฉพาะสำหรับแมว เก็บนมเอาไว้ใช้กับอาหารเช้าของคุณดีกว่า

15. หากแมวกินหญ้า แปลว่าแมวตัวนั้นป่วย

แม้ว่าจะมีทฤษฎีอยู่มากมายเกี่ยวกับการที่สัตว์บริโภคหญ้า แต่สัตวแพทย์ก็ยังไม่ได้มีข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยระบุความเป็นไปได้อย่างน่าประหลาดใจว่า สัตว์อาจแค่อยากกินหญ้าเฉยๆ ดังนั้นอย่าได้ตื่นตระหนกหากเห็นแมวของคุณแทะเล็มหญ้าในสนามเป็นครั้งคราว หากการแทะเล็มหญ้ากลายเป็นการกินหญ้าในปริมาณมากๆ ทุกวัน ให้ปรึกษาสัตว์แพทย์

16. หากคุณใส่กระเทียมลงไปในอาหารแมว จะช่วยกำจัดพยาธิในร่างกายแมวได้

การเอากระเทียมใส่ลงไปในอาหารแมวของคุณ อาจจะสร้างความประทับใจให้กับแมวของคุณในฐานะเชฟอิตาเลียนมือทอง แต่กระเทียมอาจจะเป็นสาเหตุของโรคโลหิตจางในแมวและควรที่จะหลีกเลี่ยง

เมื่อคุณแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากเรื่องแต่งได้ คุณจะสามารถช่วยให้สมาชิกครอบครัวอย่างเจ้าเหมียวของคุณมีชีวิตที่กระฉับกระเฉงและแข็งแรงได้ และไม่ต้องกังวลว่าแมวจะสูญเสียความลึกลับไป เหล่าเจ้าเหมียวยังคงมีลักษณะเฉพาะที่น่าหลงรักอยู่เสมอ! เมื่อคุณรู้ว่าอะไรคือความท้าทายที่แท้จริงสำหรับเจ้าเหมียว คุณก็จะมีวิธีการเล่นสนุกด้วยกันอยู่เสมอ

ผู้เขียนประวัติผู้เขียน

Contributor Bio

Christine O'Brien Contributor Bio Photo

Christine O'Brien

Christine O'Brien เป็นนักเขียนและเจ้าของแมวที่เลี้ยงแมวมายาวนาน ติดตามเธอได้ทาง Twitter และ Instagram @brovelliobrien

Related Articles

Related products